วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ในเรื่องพิธีกรรมในการเรียกลมของขงเบ้ง

   

ในพงศาวดารสามก๊ก  มีอยู่ตอนหนึ่งจากหลายๆตอน  ที่เกี่ยวกับพิธีกรรมของการใช้เวทมนต์คาถา  คือ ตอนที่โจโฉยกทัพมายังเมืองกังตั๋ง  เพื่อตีกองทัพของซุนกวน โดยที่ทหารของโจโฉมีความชำนาญในการรบบนพื้นราบ แต่ไม่ชำนาญการรบทางน้ำ   โจโฉซึ่งมีความเชี่ยวชาญในพิชัยสงครามก็สามารถรบเอาชนะกองทัพของซุนกวนที่มีแม่ทัพชื่อจิวยี่   จิวยี่ไม่สามารถตีทัพโจโฉได้จึงวางแผนทำลายกองทัพโจโฉให้แตก โดยใช้บังทองเข้าไปแนะนำโจโฉให้เอาเรือจำนวนมากผูกติดกันเหมือนเป็นแพลำใหญ่คล้ายแผ่นดิน ทำให้กองกำลังโจโฉไม่เมาคลื่นมีความฮึกเหิม    แต่หารู้ไม่ว่าจิวยี่ใช้อุบายวางเพลิงเผาแพลำใหญ่ของโจโฉ   หลังจากดำเนินตามแผนแล้วจิวยี่คิดว่าคราวนี้โจโฉเสร็จแน่     ทางฝ่ายโจโฉมีกุนซือแนะนำเหมือนกันว่าการใช้เรือจำนวนมากผูกติดกันแบบนี้หากข้าศึกวางเพลิงขึ้นมาจะหนีไม่ทัน เรื่องนี้โจโฉพอรู้แต่หากลัวไม่ เนื่องจากการที่จะเผาเรือนั้นไม่ง่ายต้องกระแสลมเป็นใจด้วย   ด้วยกระแสลมขณะนั้นพัดอยู่ในแนวทิศเหนือกับทิศใต้เป็นกระแสลมที่ขวางลำเรืออยู่มิได้พัดเข้าหาตัวเรือ  ลมนี้เรียกว่าลมอาคแนย์หรือลมตะวันออกเป็นลมที่พัดจากชายฝั่งเข้าหาทะเล    จิวยี่ซึ่งมั่นใจว่าขึ้นไปสังเกตการณ์บนหอคอย ระหว่างสังเกตการณ์นั้นคิดได้เรื่องกระแสลมจึงกระอักเลือดออกมาเป็นลมหมดสติไป  

ฝ่ายแม่ทัพนายกองทั้งหลายมีความเห็นว่าจิวยี่ตรากตรำจนเกินไปจึงล้มป่วย     ขงเบ้งซึ่งอยู่ในกองทัพของซุนกวนด้วยได้ขึ้นไปเยี่ยมจิวยี่และบอกกับจิวยี่ว่าการที่ล้มป่วยเพราะลมอาคเนย์   จิวยี่ได้ฟังจึงรู้ว่าขงเบ้งนี้เก่งจริงรู้ทันตนเอง และคิดว่าถ้าขงเบ้งยังมีชีวิตอยู่จะเป็นภัยแก่เมืองกังตั๋งในภายภาคหน้าจึงมีแผนการอยู่ในใจว่าต้องกำจัดขงเบ้งให้ได้    แต่ตอนนี้ต้องขอความเห็นของขงเบ้งก่อนว่าจะ
แก้ไขอย่างไร   ขงเบ้งจึงได้สัญญากับจิวยี่ว่าจะนำลมอาคเนย์มาให้จิวยี่สามวันสามคืนเพียงพอหรือไม่   จิวยี่ว่าเพียงคืนเดียวก็พอแล้ว  ขงเบ้งจึงขอคนจำนวนหนึ่งพร้อมเครื่องเซ่นไหว้และต้องไปทำพิธีบนเขาด้วย  ห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเพราะจะทำให้พิธีไม่สำเร็จ    การที่ขงเบ้งกล่าวว่าต้องทำพิธีบนยอดเขาเพราะรู้ว่าจิวยี่ต้องนำทหารมาฆ่าตนแน่  และจะได้มองเห็นเรือที่จะมารับเพื่อการหลบหนีได้    การที่ขงเบ้งสามารถเรียกลมได้เพราะคำนวณทิศทางการเดินของกระแสลมไว้แล้ว   รู้ว่ามลมอาคเนย์จะพัดมาเวลาไหนจึงกล้ารับปากจิวยี่  ขณะเดียวกันก็หาทางหนีทีไล่ไว้เรียบร้อยแล้ว
ในเรื่องพิธีกรรมในการเรียกลมของขงเบ้ง     ขงเบ้งเคยกล่าวไว้ว่าการที่จะเป็นใหญ่ได้ต้องรู้ฟ้า รู้ดิน รู้คน     ขงเบ้งเรียนรู้สรรพวิชาต่างๆ อาทิ ฤดูกาล ทิศทาง  ดวงดาว  โหวงเฮ้ง โหราศาสตร์ ชัยภูมิ และอื่นๆ
ขงเบ้งสามารถคำนวณจากสิ่งที่เรียนมาและรอบรู้สิ่งต่างๆ โดยเอาพิธีกรรมมาเป็นอุปกรณ์ในการทำนายล่วงหน้า  นี่หมายความว่าความมรอบรู้ย่อมมาก่อนพิธีกรรม
ในวิชาฮวงจุ้ย   ผู้เรียนต้องเรียนรู้ทั้ง ๓ เรื่อง คือ ฟ้า ดิน คน  รวมทั้งเรียนรู้พิธีกรรมด้วย   ในเรื่องพิธีกรรมนั้นผู้เขียนเห็นว่าเรื่องของสภาวะจิตมากกว่า  เมื่อคนมีกำลังใจพลังย่อมเกิดขึ้น  พลังตัวนี้คนย่อมสัมผัสได้    ส่วนเวทมนต์คาถาเป็นเพียงอุปกรณ์ที่เป็นสื่อกลางทำให้จิตมีพลัง   ในตำราของฝรั่งที่อธิบายเกี่ยวกับจิตว่า ปกติคนมักใช้จิตสำนึกเพียง  7 %  ส่วนจิตใต้สำนึกที่ซ่อนเร้นอยู่มีถึง  93 % เมื่อต้องการความสำเร็จในสิ่งใดให้ร้องขอจากจิตใต้สำนึก   เมื่อจิตใต้สำนึกทราบความต้องการแล้วก็จะหาวิธีการจนทำให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ เช่น คำว่าความสำเร็จ เมื่อนึกถึงแต่ความสำเร็จจิตใจก็ประทับความสำเร็จเอาไว้และหาวิธีการเพื่อบรรลุความสำเร็จซึ่งก็คล้ายๆกับการท่องมนต์คาถา   เมื่อใดที่เอาจิตใจจดจ่อกับความสำเร็จสักวันคุณต้องพบกับความสำเร็จได้
เกี่ยวกับเรื่อง ฟ้า   ในวิชาศาสตร์ฮวงจุ้ยบอกว่า  ฟ้ากำหนด  ฟ้าลิขิต  ไม่อาจฝืนชะตาฟ้ากำหนดได้  ขงเบ้งเข้ามาในช่วงจังหวะที่ไม่ค่อยถูกเวลาเพราะความสามารถมีมากสามารถฟื้นฟูราชวงศ์ก็ได้ เพียงแต่เจอเจ้านายที่อ่อนแอ และฟ้ากำหนดมาแล้วไม่สามารถกอบกู้ราชวงศ์ได้ เป็นเรื่องของปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ (uncontrolable Facter)    ปกติในการดูทำเล  ผู้รู้ท่านบอกว่าต้องดูดวงชะตาของเจ้าของทำเลก่อน  ดูว่าดวงในขณะนั้นดีอยู่หรือไม่  ถ้าฟ้ากำหนดมาว่าจังหวะนี้เป็นโอกาสดี เจ้าชะตาจะได้รับโชคลาภบารมี  ซินแสก็ดูด้วยความสบายใจ  หากเจ้าชุตากำลังดวงตก ลงทุนอย่างไรก็ไม่ได้   ซินแสก็สามารถแนะนำได้   ขอยกตัวอย่างในเรื่องสามก๊ก  โจโฉมีวาสนาที่เป็นใหญ่ได้    เดิม   โจโฉมีตำแหน่งเล็กค่อยเติบโตจนเป็นผู้สำเร็จราชการได้มีหลายครั้งที่ต้องผจญความตายก็หนีพ้นมาได้ตลอด  นี่คือฟ้ากำหนด
เกี่ยวกับเรื่องของ ดิน หมายถึง ทำเลดี ชัยภูมิดี  มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์  ผู้คนก็จะมีความเจริญรุ่งเรืองจากทำเลหรือชัยภูมิได้   คนอาจจะมีวาสนาปานกลางแต่รู้จักการทำมาหากินสร้างความเจริญรุ่งเรืองได้ เพราะสถานที่เอื้ออำนวย  ซุนกวนซึ่งเป็นบุตรขุนนางมีฐานะปานกลางแต่ได้อยู่ในชัยภูมิที่ดีนสามารถสร้างบ้านสร้างเมืองได้    ใครจะมาโจมตีก็ยากเพราะมีทะเล แม่น้ำกั้นอยู่  วาสนาซุนกวนเป็นใหญ่ได้ด้วยสถานที่อำนวย   ก๊กของซุนกวนเป็นก๊กสุดท้ายของสามก๊กที่ถูกโจมตี
เกี่ยวกับเรืองของ คน  คนเป็นเรื่องสำคัญ  งานใหญ่หรืองานเล็กจะทำสำเร็จหรือไม่ก็อยู่ที่คน   เมื่อร่วมแรงร่วมใจแค่ไหนก็สำเร็จ   ใครก็ตามที่สามารสร้างความสามัคคีในหมู่คณะได้ก็เป็นใหญ่ได้   ดวงชะตาวาสนาอาจเป็นตัวกำหนดได้แต่ถ้าไม่มีคุณธรรม  ความซื่อสัตย์แล้ว  คนก็จะไม่เข้ามาหา  ไม่เข้ามาช่วย  งานก็ไม่สำเร็จ  อย่างกรณีของเล่าปี่ ถึงแม้ว่าวาสนาจะเกิดมาเป็นทายาทผู้เป็นใหญ่  แต่มีชีวิตที่ลำบากมาตลอด   อาศัยที่เล่าปี่มีคุณธรรม   ความซื่อสัตย์ของกวนอู   ความกล้าหาญของเตียวหุย  และสติปัญญาของขงเบ้ง   สิ่งเหล่านี้หล่อหลอมเอาชนะใจผู้คนจึงสามรถเติบโตเป็นใหญ่ได้
ในสามก๊ก  ขงเบ้งมีความรอบรู้เรื่องฮวงจุ้ยมาก  เมืองเสฉวนเป็นชัยภูมิที่มีแต่หุบเขา  เดินทางลำบาก   เข้าออกได้ ๒ ทาง ทางด้านหน้าเป็นทางใหญ่เดินทางสะดวก   แต่ด้านหลังเป็นทางเล็กเดินทางลำบากต้องผ่านหุบเขา  คล้ายๆกับหน้าเปิดกว้างหลังอิงเขาเหมาะแก่การป้องกันชัยภูมิได้ดีมาก  หากมีรั้วบ้านที่เข็มแข็งก็ถูกโจมตียาก

สรุป สามก๊ก  ดูจากผู้เป็นใหญ่ทั้งสามก๊ก   สุดท้ายก็ล่มสลายทั้งสามก๊กในรุ่นลูกรุ่นหลานที่อ่อนแอ    ถูกรวมสามก๊กเป็นแผ่นดินเดียวกัน  แม้ฟ้ากำหนดมาดี  ดินอุดมสมบูรณ์  คนมีคุณธรรม  ถ้ารวมทั้งสามอย่างดีเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียวก็อยู่รอด
  ถ้าแยกออกเป็นเดี่ยวๆก็อยู่ลำบาก
ในวิชาฮวงจุ้ย   ชื่อ  มีส่วนสำคัญทีเดียว  กล่าวคือ ชื่อของสถานที่กับชื่อของบุคคล  บางครั้งก็มีอิทธิพลต่อกัน  ดังตัวอย่างในสามก๊ก  บังทองเป็นผู้มีความรู้ความสามรถพอๆกับขงเบ้ง แต่ความใจร้อนอยากสร้างผลงานให้ปรากฏ จึงมีความปรารถนาจะทำศึกให้ได้ชัยยกกองทัพไปด้วยคววมเชื่อมั่นในตนเอง พอเดินทัพเข้าไปในเนินซอกเขา ก็เจอกองทัพของข้าศึกดักโจมตี ผลคือ บังทองเสียชีวิตอย่างน่าเสียดาย   ชื่อของบังทองหมายถึง หงส์ดรุณ    ส่วนชื่อของเนินซอกเขาชื่อว่า  หงส์ร่วง”  ทำไมจึงเหมาะเจาะอย่างนี้ จะว่าเป็นเหตุบังเอิญก็ว่าได้  เนื่องจากบังทองไม่ทราบชื่อเนินเขานี้ก่อนหรือถึงเวลาต้องจากไป


http://www.horathai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=188378&Ntype=5

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น